วัตถุดิบและส่วนประกอบของร่ม
1.
หัวร่ม
ตุ้มร่ม ทำด้วยไม้เนื้ออ่อน
เช่นไม้โมกมัน ไม้สมเห็ด
ไม้ซ้อ ไม้ตะแบก และไม้เนื้ออ่อนชนิดอื่นๆ
เมื่อไม้แห้งแล้วไม่หดตัวมาก
การที่เลือกเอาไม้เนื้ออ่อนเป็นหัวร่ม
ตุ้มร่มนั้นเพราะว่าไม้เนื้ออ่อน
สะดวกแก่การกลึงและผ่าร่องซี่
2.
ซี่ร่ม
ทำด้วยไม่ไผ่
ไม้ไผ่ที่จะนำมาทำเป็นซี่ร่มต้องมีลักษณะปล้องของไม้ไผ่จะต้องยาวถึง
1
ฟุตขึ้นไป
เนื้อไม้ไม่หนาน้อยกว่า 1
นิ้ว
และเป็นไม้ที่มีอายุตั้งแต่
2
ปีขึ้นไป
ไม้อ่อนใช้ไม่ได้
เพราะไม้อ่อนเวลาแห้งแล้วไม้ะหดตัวมาก
และตัวมอดยังชอบกินอีกด้วย
3.
กระดาษปิดร่ม
ใช้กระดาษที่มีเนื้อนิ่มไม่แข็งกระด้าง
และมีความหนาพอสมควร
แต่เท่านี้นิยมกันมากได้แก่กระดาษสา
และกระดาษห่อของสีน้ำตาล
4.
น้ำมันทาร่ม
ใช้ทาด้วยนำมันมะมื่อ
หรือนำมันทัง
5.
สีทาร่ม
ใช้ทาด้วยสีน้ำมัน
6.
น้ำยางปิดร่ม
ใช้ปิดด้วนน้ำยางตะโก หรือ
น้ำยางมะค่า
7.
ด้าย
ที่ใช้ในการร้อยประกอบส่วนต่างๆ
ของร่มใช้ด้ายดิบหรือด้ายมันนำมากรอเป็นเส้นและตีควบเป็นเกลียวตามขนาดที่ต้องการ
8.
คันร่ม
ใช้ไม้เนื้ออ่อนกลึงหรือทำด้วยไม้ไผ่ถ้าเป็นไม้ไผ่ต้องใช้ปลายไม้ขนาดเล็กหรือต้นไผ่ขนาดเล็กก็ได้
วัดเส้นผ่านศูนย์กลางของลำต้นไม่เกิน
7/8
นิ้ว
และต้องมีรูข้างในด้วยเพื่อสะดวกในการติดสปริงดันร่ม
9.
หวายสำหรับพันด้ามร่ม
ถ้าคันร่มทำด้วยไม้ไผ่ตรงส่วนที่เป็นด้ามถือ
จะต้องพันด้วยเส้นหวายผ่าซีกขนาดเล็ก
(
หวายเลียด
)
หรือจะใช้
เส้นพลาสติกพันแทนก็ได้
10.
ปลอกสวมหัวร่ม
ใช้ใบลาน ใบตาล หรือกระดาษหนา
ที่มีความหนาใกล้เคียงกันก็ได้
11.
น้ำมันสำหรับผสมกับสี
ใช้น้ำมันก๊าด
12.
ห่วงร่ม
ทำจากเส้นตอกไม้ไผ่
ขดเป็นวงกลมและพันด้วยกระดาษสาให้รอบชุบน้ำยางตะโกและตากแดดให้แห้ง
13.
โลหะครอบหัวร่ม
ทำด้วยแผ่นปั๊มหรือพลาสติกปั๊มก็ได้
วิธีทำโครงร่ม
โครงร่มประกอบด้วยส่วนต่างๆ
ดังนี้
1.
หัว
ทำจากไม้เนื้ออ่อน เช่น
ไม้ตีนเป็น ,
ไม้ส้มเห็ด
,
ไม้ตุ้มคำ
และไม้แก
2.
ตุ้ม
ทำจากไม้เนื้ออ่อน เช่น
ไม้ตีนเป็น ,
ไม้ส้มเห็ด
,
ไม้ตุ้มคำ
และไม้แก
3.
ค้ำ
ทำจากไม้ไผ่ตง เพราะเหนียวและทนทาน
4.
ซี่กลอน
ทำจากไม้ไผ่ตง เพราะเหนียวและทนทาน
5.
คันถือ
ทำจากไม้ไผ่เล่มเล็กหรือไม้เนื้ออ่อนก็ได้
6.
ม้า
(สลัก)
ทำจากสำหรับเล่มเล็กทำด้วยสปริงเหล็ก
ส่วนร่มใหญ่ทำด้วยไม้ไผ่เหลา
7.
ปลอกลาน
ทำจาก ใบลาน
ทำหน้าที่เป็นตัวเคลื่อนขึ้น-ลงเวลากางหรือหุบร่ม
วิธีหุ้มร่ม
ร่มกระดาษสาหรือร่มฝ้ายคลุมร่มด้วยกระดาษสาหรือผ้าฝ้ายบางโดยใช้แป้งเปียกที่ผสมกับยางของผลตะโก
ซึ่งได้จากการทุบตะโกให้ละเอียดแล้วนำไปดองไว้ประมาณ
3เดือนจึงนำออกมาใช้
น้ำตะโกนี้จะช่วยทำให้ร่มกันฝนได้และทั้งยังช่วยทำให้ร่มตึงและช่วยให้แป้งเปียกเหนียวยึดวัสดุที่ใช้คลุมร่มเข้ากับโครงร่มได้สนิทดียิ่งขึ้น
ในขั้นแรกทาแป้งเปียกที่ผสมน้ำยางผลตะโก
2
ครั้ง
ตากร่มให้แห้งอีกครั้งหนึ่งจึงนำไปทาสี
การทาสีร่มนี้ทำโดยการใช้ผ้าชุบสีกลึงบนร่มที่ต้องการสมัยก่อนมีเพียง
2
สีเท่านั้นที่ทาร่ม
คือ สีแดงและสีดำ
สีแดงได้จากการนำสีของดินแดงที่มีอยู่บนภูเขา
ส่วนสีดำนั้นได้มาจากเขม่าไฟผสมน้ำมันยาง
ร่มแพรกระดาษสา หรือ ร่มผ้าไหม
ใช้กาวลาเท็กซ์ทาลงบนโครงร่มและใช้ผ้าแพร
กระดาษสา หรือผ้าไหม
รีดให้เรียบด้วยมือตัดให้เป็นรูปร่างตามโครงร่มที่คลุมเป็นอันใช้ได้
การเขียนลวดลายลงบนร่ม ในสมัยก่อนไม่ได้มีการเขียนลวดลายลงบนร่มเหมือนในปัจจุบันเพียงใช้ร่มสีพื้นๆ 2 สี ดังได้กล่าวมาแล้ว การเขียนลายลงบนร่มพึ่งมีขึ้นเมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เอง
วิธีทำร่มกระดาษ
1.การทำหัวร่ม
ตุ้มร่ม นำไม้สำหรับทำหัวร่ม
และ ตุ้มร่ม ขนาดโตวัดเส้นผ่า
ศูนย์กลางขนาด 2-2.5
นิ้วนำเอามาตัดท่อนๆความเท่ากับขนาดของหัวร่มและตุ่มร่มที่ต้องการแล้วเจาะรูตรงกลางขนาดพอที่จะใส่คันร่มชนิดนั้นๆ
ได้แล้วจึงเอาไปกลึงเป็นหัวร่มรือตุ่มร่มตามแบบที่ได้กำหนดไว้
2.
การทำซี่ร่ม
หลังจากได้ไม้ไผ่มาแล้งก็นำเอามาตัดออกเป็นท่อนๆถ้าเป็นไม้ไผ่ที่มีปล้องยาวก็ตัดระหว่างข้อ
แต่ถ้าเป็นไม้ปล้องสั้นก็ตัดให้ข้อไม้อยู่ตรงกลางความยาวของท่อนไม้ที่ตัดเท่ากับขนาดของร่มที่จะทำ
เช่น ทำร่มขนาด 20นิ้วก็ตัดไม้ไผ่ยาว
20นิ้วเป็นต้นเมื่อตัดไม้ไผ่เป็นท่อนยาวแล้วก็ใช้มีดขูดผิวไม้ออกให้หมดแล้วทำเครื่องหมายสำหรับเจาะรูไว้
โดยการใช้ตะปูตอกบนไม้
ขอให้ปลายตะปูโผล่ออกมานิดหนึ่งแล้วใช้ไม้ขอขีดรอบปล้องไม้ตรงกับระยะที่ต้องการเจาะรูแล้วจึงผ่าไม้ออกเป็น
4
ชิ้น
แต่ละชิ้นขนาดเท่ากันใช้มีดตรงท้องตามระยะที่ได้กะไว้ให้เสมอกันทุกชิ้น
ให้ทางปลายซี่เรียว
และใช้มีดจักเป็นซี่ๆตรงหัวไม้
ความหนาแต่ละซี่ประมาณ 1/8
นิ้ว
แล้วใช้มือฉีกออกเป็นซี่ๆ
ถ้าฉีกไม่ออกก็ใช้มีดผ่าออกไปตรงๆ
แล้วเหลาทั้งสองข้างให้
เรียบและปาดตรงหัวซี่ทั้ง
2
ให้บางพอดีที่จะใส่เข้าร่องหัวร่มได้แล้วซี่ตรงท้องนิดนึงเพื่อให้มุมมนแล้วเหลาตรงท้องซึ่งให้ปลายซี่ร่มเรียวเท่ากันทุกๆซี่
ใช้มีดปลายแหลมแทงลงไปตรงรอยปาดท้องซี่
ให้ปลายมีดทะลุออกด้านหลังซึ่งตรงกลางแล้ว
ผ่าตรงออกไปตามยาวประมาณ
2
นิ้ว
เพื่อให้ปลายซี่สั้นสอดเข้าไปเวลาร้อยคือ
ประติดกับซี่สั้น
ส่วนการทำซี่ร่มสั้นนั้น
ตัดไม้ยาวตามขนาดที่ต้องการแล้วเกลาเอาผิวไม้ออก
แล้วทำเครื่องหมายสำหรับเจาะรู
แล้ว จักเป็นซี่ๆ
เหลาสองข้างให้เรียบร้อย
ปลายซึ่งข้างหนึ่งปาดท้องซี่ให้เป็นมุมแล้วเหลา
2
ข้าง
ให้บางที่จะสอดเข้ารองตุ่มร่มได้
ส่วนอีกข้างหนึ่งเหลาปลายให้มน
และเหลาตรงปลาย 2
ข้างให้บางพอสมควร
3.
การเจาะรูซี่ร่มสั้นและซี่ร่มยาว
ใช้เหล็กแหลมชนิดปลายเป็นสามเหลี่ยมเจาะโดยการหมุนไปหมุนมาหรือ
จะใช้เหล็กแหลมเผาไฟให้ร้อนแล้วเจาะรูก็ได้
(ถ้าไม่มีเครื่องเจาะ)
แต่ถ้ามีเครื่องเจาะซี่ร่มโดยเฉพาะ
ก็ใช้เครื่องเจาะเพราะจะได้เร็ว
4.
การมัดหัวร่มและตุ่มร่มนำเอาซี่ร่มยาวและซี่ร่มสั้นที่เจาะรูแล้วร้อยติดกันเรียงเป็นตับโดยร้อยเอาทางหลัง
ซี่ขึ้นข้างบนทุกซี่
แล้วเอาหัวร่มที่ผ่าร่องซี่แล้วมาปาดซี่ออกเสีย
1
ช่อง
เพื่อสำหรับจะได้ไว้ผูกปมเชือก
เอาซี่ร่มที่ร้อยแล้วใส่ลงไป
ในหัวร่มช่องละซี่
แล้วดึงเชือกให้ตึงแล้วใส่ต่อไปอีกจนครบทุกช่อง
แล้วดึงปลายเชือกทั้ง 2
ข้างให้ตึง
เอาปลายเชือกผูกให้แน่น
แล้วตัดเชือกที่ผูกออกให้เหลือปลายเชือกไว้ประมาณข้างละ
1
นิ้ว
การมัดหัวร่มและตุ้มร่มทำด้วยวิธีเดียวกัน
ที่มา
:
http://www.bosang-umbrella.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87-%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น